วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

เมืองโบราณ : ที่เที่ยวสำหรับคนเมือง

เที่ยวเมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ

เมื่อช่วงเทศกาลวันเด็กที่ผ่านมา (13 มกราคม 2556)


ได้มีโอกาสไปเที่ยวสถานที่เที่ยว บรรยากาศต่างจังหวัด




ที่เหมือนได้ไปเที่ยวหลายจังหวัด แต่จริงๆ แล้วอยู่ใกล้เมืองหลวงของเรานี่เอง
นั่นก็คือ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ




เป็นสถานที่ซึ่งรวบรวมสถานที่สำคัญๆ ของประเทศไทย ทั่วทุกภาคไว้ในที่เดียว
ให้เราได้ชื่นชมกัน

หลังจากไปเที่ยวมาแล้ว เพิ่งกลับมาเปิดเน็ตดู http://www.ancientcity.com/ 
เสียดายที่ไม่ศึกษาข้อมูลไปก่อน ไม่งั้นคงได้ดูเยอะกว่านี้
เพราะไปเที่ยวแบบไม่ได้ตั้งใจ เพิ่งคิดว่าอยากไปเที่ยว ก็ 11.30 น.
กว่าจะแต่งตัวเสร็จ ได้ออกเดินทางจากบ้าน (นนทบุรี) ประมาณ 12.30 น.
ซึ่งกว่าจะไปถึงก็หลงทางอีกตะหาก ไม่ได้ศึกษาเส้นทางก่อนไป
ขึ้นทางด่วนพลาดต้องวนกลับ แต่ทุกอย่างก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ค่ะ
กว่าจะไปถึงประมาณ 14.30 น. (สรุปว่าใช้เวลาเดินทางจากนนทบุรี
แถวๆ พระราม 5 ถึงเมืองโบราณ บางปู ประมาณ 2 ชั่วโมง :
รวมหลงทางด้วยนะ ถ้าไม่หลงก็คงประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ)

ไปถึงก็ถามเค้าว่า มีเวลาให้เที่ยวถึงกี่โมงคะ
พนักงานแจ้งว่า รถรางให้บริการถึง 17.00 น.
แต่ถ้าหากปั่นจักรยาน ซึ่งมีให้บริการอย่างทั่วถึง (เยอะมากจริงๆ)
ก็สามารถปั่นได้ถึง 18.00 น.

หลังจากรับทราบข้อมูลเบื้องต้น
เราก็มองนาฬิกา มีเวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง
ก็จัดการซื้อตั๋วเข้าชม คนละ 350 บาท เนื่องจากไม่ได้อาศัยอยู่
หรือทำงานในจังหวัดสมุทรปราการ
ซึ่งหากแสดงหลักฐานว่าอยู่ที่นี่ ก็จะได้รับส่วนลดเหลือเพียง 250 บาท
แต่สำหรับชาวต่างชาติ คนละ 500 บาทค่ะ

เค้าแจ้งเพิ่มเติมอีกว่า
ถ้าหากเรานำรถส่วนตัวเข้าไป คิดค่าบริการ 300 บาท
หรือ เช่ารถกอล์ฟชั่วโมงละ 150 บาท
สำหรับค่าเข้าชมที่จ่ายไป 350 บาทนั้น
สามารถนั่งรถราง ลงเรือ หรือปั่นจักรยาน
ทุกอย่างไม่มีลิมิต เราเลยเลือกบริการทางเลือกที่ 3 เนี่ยแหละ

เราวางแผนกันว่า จะเริ่มต้นด้วยการนั่งรถราง
เที่ยวให้ทั่วก่อน 1 รอบ จากนั้น จะปั่นจักรยาน
เพื่อแวะเก็บภาพอย่างใกล้ชิด



ซึ่งต้องใช้เวลาภายใน 3 ชั่วโมงครึ่ง กับพื้นที่ 600 ไร่
เพราะไหนๆ ก็จ่ายตังค์แล้ว อยากเที่ยวให้คุ้ม

รถรางวิ่ง 1 รอบ เร็วมาก ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ครบรอบ
เราตัดสินใจปั่นจักรยานต่อ แต่แดดยังจ้ามากเพราะเพิ่งจะ 3 โมงกว่าๆ
แต่ก็ดีที่เป็นช่วงฤดูหนาวลมที่ผัดผ่านจึงไม่ร้อน
อากาศกำลังสบาย ที่น่ากลัวคงเป็น แสงยูวี






แต่บรรยากาศมันพาไปให้อยากดูโน่นดูนี่
จนลืมกลัวแดด กลัวดำกันเลยทีเดียว

มีเวลาแวะเก็บภาพไม่มากนัก
แต่ก็กดชัตเตอร์ไป 400 กว่ารูป (อย่างไม่น่าเชื่อ)
ได้ภาพสวยๆ มาเยอะ
มีหลายอย่างที่ประทับใจและที่ชอบมาก คือบรรยากาศดีมากๆ
เราปั่นจักรยานเล่นตั้งแต่ 3 โมงกว่า จนถึง 6 โมงกว่าๆ
พนักงานก็เริ่มไล่ให้กลับอย่างสุภาพ
เพราะเริ่มมืดแล้ว แต่ขอบอกว่า
อากาศตอน 6 โมงเย็น สบายสุดๆ ไปเลยค่ะ เย็นและสดชื่นมาก
ถึงแม้จะอยู่แถวๆ กรุงเทพฯ
ซึ่งพอออกมาข้างนอกก็เจอตึก และรถบนถนนยั๊วเยี๊ยะ
เหมือนได้เข้าไปอยู่อีกโลกนึงเลยแหละ
เพื่อนๆ แวะไปเที่ยวกันนะคะ
ถ้าใครที่ชอบเที่ยวต่างจังหวัด
แต่ไม่มีเวลาไปค้างคืน หรือลางานไม่ได้อะไรประมาณนั้น
ก็แนะนำ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ
เป็นทางเลือกสำหรับวันพักผ่อนเบาๆ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็ดีนะคะ


กล้องที่เราใช้ก็เป็นดิจิตอล รุ่นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว (ค่อนข้างเก่า 55)
แต่รูปที่ออกมาก็สวยนะคะ เพราะบรรยากาศดี

เพื่อนๆ สามารถดูรูปเพิ่มเติม จากเว็บของเมืองโบราณก็ได้นะคะ
ในเว็บนี้รูปเค้าสวยอยู่แล้ว แต่ขอบอกว่า
PLACE: Ancient City (Formerly Ancient City)
LOCATION: Tambon Bang Pu Mai. Near the 33 km marker on Sukhumwit Rd.
OPENING HOURS: 8 a.m. to 5 p.m.
ADMISSION: 500 baht for adults and 250 baht for children. There is a two price system and Thai people only pay 350 Baht/175 Baht. You can get this price if you have a work permit.

The Ancient Siam, or Muang Boran in Thai, is like an open book of history and an open door to the real Thailand. Here you will find numerous reproductions of palace halls, temples, stupas, stone sanctuaries and traditional houses. You can also visit several reconstructed historical buildings, authenticated communities with their inhabitants doing their daily chores and sample villages from all regions of the country.

If you want to take your car in then it will cost you 300 baht. If you don't have your own car, you can rent bicycles for free, golf carts for 200-500 baht or join a tram tour for free. Thai people have to pay extra for the tram tour. Some people walk around the park but it is really too big and too hot to go on foot. There are places to buy drinks around the park. A good place to eat are the restaurants at the floating market area.

From : http://www.paknam.com/tourist-attractions/ancient-siam.html

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

คาถาเงินล้าน...

คาถาเงินล้าน
หลวงพ่อปาน-หลวงพ่อฤาษี ลิงดำ

รูปภาพ
(ขอขอบคุณภาพจาก : http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=38701)
(ตั้งนะโม ๓ จบ)

นาสังสิโม
พรมมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
พรมมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุเม (คาถาเงินแสน)
มหาปุญญ มหาลาโภ ภะวันตุเม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
มานีมานะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือ ปัจเจกโพธิ์)
สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
เพ็ง เพ็ง พา พา หา หา ฤา ฤา

(บูชา ๙ จบตัวคาถาต้องว่าทั้งหมดทุกตัว)

ขอให้ทุกท่านโชคดีค่ะ
และขอขอบพระคุณข้อมูลดีๆ จากเพื่อนๆ ผู้เคยมีประสบการณ์ค่ะ
ที่มา : http://www.horosiam.com/horo-witchcraft-193.html

เราทำกรรมอะไรมา ถึงเกิดมาหน้าตาแบบนี้

"จริงรึเปล่าไม่รู้ แต่รู้ว่า ถ้าอยากดูดี ควรทำดี...."

กรรมที่ทำให้สวย หล่อ...
ขอจำแนกความงามที่เห็นแล้วรู้สึกสะดุดตาสัก ๖ ประเภท
พร้อมกรรมอันก่อไว้เป็นเหตุให้งามในประเภทนั้นๆ
๑) งามแบบสง่า
... ๒) งามแบบอ่อนหวาน
๓) งามแบบฉูดฉาดจัดจ้าน
๔) งามแบบเร้าความรู้สึกทางเพศ
๕) งามแบบน่าเอ็นดูเหมือนเด็กๆ
๖) งามแบบแปลกประหลาด

โดยคุณดังตฤณ จากหนังสือ เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน
อยากรู้รายละเอียดคลิกไปอ่านได้ที่นี่นะจ๊ะ http://www.thammaonline.com/forum/index.php?webboard.php%3Ftopic=7%3Baction%3Ddisplay%3Bthreadid%3D2132


















ความสุข คำง่ายๆ ที่ควรรู้จักให้ลึกซึ้ง

เริ่มต้นด้วยคำง่ายๆ ที่เรียกว่า "ความสุข" ที่ใครหลายๆ คน คงเข้าใจในความหมาย
แต่ใครบ้างเอ่ย ที่เข้าใจและเคยรับรู้ในความรู้สึกที่เรียกว่าความสุข อย่างแท้จริง




ความสุข อยู่รอบๆ ตัวเรา แต่หลายคนมองไม่เห็น
เคยถามตัวเองกันมั้ยคะ ว่าตอนนี้ เรากำลังมีความสุข หรือ กำลังมีความทุกข์
แล้วรู้มั้ยคะ ว่าเหตุของสิ่งเหล่านั้น คืออะไร

คนที่มีความสุข ย่อมไม่ค่อยมองหาหรอกค่ะ ว่าทำไมเรามีความสุข
แค่รู้สึกว่ามีความสุข ซึ่งขณะนั้น ร่างกาย และจิตใจอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า สบาย... หรือ ดี...
เราจึงไม่คิดว่าจำเป็นต้องมองหาสาเหตุว่าทำไมถึงมีความสุข จริงมั้ยคะ
เพราะเหตุนี้ ทำให้คนเราพลาดโอกาสที่จะเรียนรู้เพื่อสร้างความสุขให้กับตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
รอเพียงเหตุการณ์ หรืออะไรก็ตามที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตให้เราได้พบเจอ
แล้วทำให้เรารู้สึกว่า "มีความสุข" เป็นอย่างนี้กันใช่มั้ยคะ

jeje เองก็เช่นกันค่ะ ที่ผ่านมาไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ
รู้แค่ว่า วันนี้ เราต้องทำโน่นทำนี่ ตามภารกิจ หรือกิจวัตรที่จำเป็นต้องทำ ในการดำรงชีวิต
บางวันก็รู้สึกว่า มีความสุขจัง
แต่บางวัน ก็เจอเหตุการณ์แย่ๆ หลายเรื่อง
ก็รู้สึกทุกข์ใจ จนหาทางออกไม่เจอก็มี
คิดวนไปวนมา อยู่นั่นแหละ เหมือนคนที่อยู่ในน้ำ
กลางแม่น้ำ หรือกลางทะเล หมดแรงที่จะว่ายไปหาฝั่ง แต่ขึ้นจากน้ำก็ไม่ได้
ต้องพยายามพยุงตัวไว้ ไม่ให้จมน้ำ ภาวนาว่า เมื่อไหร่จะมีเรือผ่านมา ซะทีนะ
แล้วมีใครก็ได้ช่วยดึงขึ้นจากน้ำเสียที เหนื่อยเหลือเกิน 

ทั้งหมดนี้ เชื่อมั้ยคะ ว่าสิ่งสำคัญของความรู้สึกทุกข์
มันอยู่ที่ความคิดของเราเป็นปัจจัยหลักเลยค่ะ

บางคน แคร์คำพูด หรือความคิดของคนอื่น มากกว่าความรู้สึกของตัวเอง

ยังไงคะ??? หลายคนอาจสงสัย

ก็การที่เราแคร์ว่า ถ้าเราคุยกับเพื่อนคนนี้ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครในที่ทำงานอยากคุยด้วย
ทำแบบนี้ จะมีใครว่าอะไรมั้ยนะ
หรือคนอื่นๆ จะคิดยังไงกับสิ่งที่เราทำนะ
บางคนอยากทำดี ซึ่งปกติไม่ค่อยทำ ก็กลัวคนอื่นจะหาว่า สร้างภาพ เป็นคนดี
เลยไม่ทำดีกว่า ทั้งๆ ที่ถ้าทำแล้วเราคงรู้สึกดี...
นั่นเพราะ เราแคร์ คนอื่น จะแคร์ทำไมกันคะ
เรื่องบางเรื่อง ถ้าคิดว่าเป็นสิ่งดีๆ ที่ควรทำ
ไม่ต้องแคร์หรอกค่ะ ว่าใครจะมองยังไง
เพราะคนที่เค้ามองแล้วคิดไม่ดีกับคนที่ทำดี คงเป็นแค่คนส่วนน้อย ที่อยู่กับทุกข์
คนที่ชื่นชม และอยากทำบ้าง แต่ก็ไม่กล้าอย่างเราก็มีเยอะ จริงมั้ยคะ

แต่เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่า ไม่สบายใจ ไม่สบายกาย
มักมีคำถามเยอะแยะมากมายในความคิดของเรา ว่า

"ทำไมนะ"
"นี่มันเกิดอะไรกันนักหนา"
"ทำไมเรื่องแย่ๆ อย่างนี้ถึงเกิดขึ้นกับชีวิตเรา"
"ไม่อยากเป็นแบบนี้ ทำไงดี..." ฯลฯ ...

เมื่อเจอภาวะที่เราเริ่มรู้สึกว่า กำลังเจอคำถามเหล่านี้กับตัวเอง
เราย่อมพยายามมองหาทางออก ทางหลีกหนี จากสิ่งที่เราไม่อยากเจอ ไม่อยากเผชิญ
โดยพยายามหาสิ่งที่ทดแทนความรู้สึกแย่ๆ นี้
ไม่ใช่หาสาเหตุของมัน เพื่อจัดการกับมัน 


หลายคน จึงยิ่งเจอ ภาวะที่เรียกว่า ทุกข์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ขอยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น

คนมีความรัก ตอนเข้าใจกัน รักกัน ก็มีความสุข
เมื่อไม่เข้าใจกัน ก็มีความทุกข์
หลายคนก็พยายามที่จะหาสาเหตุของมัน
เพื่อจัดการให้ทุกข์หมดไปเร็วๆ เพื่อความสุขดังเดิมจะกลับมา
แต่หลายคน ก็เลือกที่จะไปกินเหล้า เพื่อดับทุกข์
ซึ่งยิ่งเป็นการเพิ่มความทุกข์ ลดความสุขให้ค่อยๆ หมดไป
ซ้ำร้าย บางคนกินเหล้า แล้วเจอเหตุการณ์ที่ต้องเสียใจ
เช่น เกิดอุบัติเหตุ พิการ เสียชีวิต คราวนี้ ถ้าเสียชีวิต คนทุกข์ ก็หมดทุกข์
แต่ถ้าพิการ จะยิ่งทุกข์กว่าเดิมเสียอีก

เห็นมั้ยคะ ตัวอย่างง่ายๆ ที่หลายๆ คนคงเคยพบเจอ จากเพื่อนๆ หรือคนรู้จัก
คิดว่า ถ้าเป็นเราคงไม่ทำแบบนี้ ทางออกมีเยอะแยะ ทำไมทำแบบนี้

ขอบอกว่า ถ้าไม่เจอกับตัวเอง หลายๆ เรื่อง เราก็ไม่เข้าใจหรอกค่ะ
แต่เราคงไม่จำเป็นต้องพบเจอหรอก จริงมั้ยคะ
เราควรเรียนรู้จากคนอื่นก็เพียงพอแล้ว และคิดว่า
ถ้าเป็นเรา เราจะไม่ทุกข์แบบนั้น เราจะทำยังไงถึงจะมีความสุข
และถ้าเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นกับเราจริงๆ ก็อย่าลืมสิ่งที่เราเคยคิดว่า ต้องแก้ปัญหาอย่างไรไม่ให้ทุกข์ และสามารถมีความสุขเมื่อเจอความทุกข์เหล่านั้นได้ 

ที่คุยกันเรื่องนี้ เพื่ออยากให้เพื่อนๆ หมั่นสร้างความสุข
จดจำสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า ทุกข์
ไม่ว่าจะมาหาเราในรูปแบบไหน เราก็งัดความสุขที่เราจดจำมาจัดการกับมันเลยค่ะ

นอกจากความสุข ที่เราควรต้องหมั่นสร้าง มันให้กับตัวเองบ่อยๆ แล้ว
กำลังใจ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความสุข ทั้งตัวเรา และคนรอบข้าง

คนเรา ย่อมเจอเรื่องดีๆ และเรื่องแย่ๆ ไม่เหมือนกัน
ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเราจริงๆ อยู่ที่ใจ และความคิดของเรา
ว่าจะยอมรับความจริง และปลดปล่อยความทุกข์นั้นไปรึเปล่า

หวังว่าเพื่อนๆ คงมองหาวิธีสร้างความสุข มากกว่ารอรับความสุข...
เพื่อชีวิตที่ปลอดจากความทุกข์กันนะคะ
                                                                   .....jeje